การขาดแคลน Bitcoin เริ่มขึ้นแล้ว

ความต้องการจากสถาบันสูงกว่าอุปทาน

ข้อมูลจาก Bitcoin Historian เผยว่าบริษัทมหาชนเพิ่ม Bitcoin จำนวน 12,400 BTC เข้าคลังในสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นเท่ากับการดูดซับ 58% ของอุปทานที่มีอยู่ในปัจจุบันในอัตราปัจจุบัน ขณะที่เหมืองผลิตเหรียญใหม่เพียง 3,150 เหรียญ - หมายความว่าสถาบันดูดซับอุปทานใหม่เกือบสี่เท่า

เหตุใดจึงสำคัญ: เรากำลังเห็นสัญญาณแรกของวิกฤตอุปทาน ด้วย ETF ที่ได้รับการอนุมัติและการ halving ที่ใกล้เข้ามา เหรียญที่มีอยู่ถูกดูดซับเร็วกว่าที่อัลกอริธึมของ Satoshi จะผลิตได้

คณิตศาสตร์ของการขุดกับความต้องการจากบริษัท

มาคำนวณง่ายๆ:

• ผลผลิตเหมืองรายสัปดาห์: 3,150 BTC (215 ล้านดอลลาร์ที่ราคา 68k/BTC)
• การซื้อโดยบริษัท: 12,400 BTC (843 ล้านดอลลาร์)
• การขาดดุลสุทธิ: 9,250 BTC ต่อสัปดาห์

ด้วยอัตรานี้ ความต้องการประจำปีจากบริษัทจะบริโภค 644,800 BTC ขณะที่อุปทานใหม่มีเพียง 163,800 BTC - สร้างช่องว่างถึง 481,000 BTC

วิกฤตอุปทานที่กำลังจะเกิดขึ้น

นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลข ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พื้นฐานชี้ให้เห็น:

1. ตารางเวลาการออกแบบเหรียญคงที่ (halving ในเดือนเมษายน 2024)
2. ความต้องการจากสถาบันที่เพิ่มขึ้น
3. คลังแลกเปลี่ยนที่ลดลง (ลดลง 33% นับตั้งแต่ปี 2020)

แปลว่าอะไร? ‘วิกฤตอุปทาน’ ที่พูดถึงกันมากไม่ได้กำลังจะมา - มามาถึงแล้ว เพื่อนๆ นักการเงินในลอนดอนเรียกมันว่า ‘The Great British Bitcoin Buy-Up’ (แม้ว่าชาวอเมริกันจะเป็นผู้นำก็ตาม)

สิ่งนี้หมายถึงอะไรสำหรับพอร์ตโฟลิโอของคุณ

แม้ผมจะไม่ให้คำแนะนำทางการเงิน (หน่วยงานกำกับดูแล โปรดทราบ) แต่ข้อมูลชี้ให้เห็น:

• ความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ซื้อไล่ตามอุปทานที่จำกัด
• ส่วนเสริมมูลค่าสำหรับผู้ถือระยะยาว (‘HODL premium’)
• แรงกดดันต่อค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในช่วงที่มีความต้องการสูง

ตลาดยังไม่ได้คิดคำนวณการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้อย่างเต็มที่ ในฐานะผู้รอดชีวิตจากทั้ง Crypto Winter และราคาบ้านในลอนดอนที่ absurd ผมขอแนะนำให้จับตาดูรูปแบบการสะสมเหล่านี้ไว้