แอปพลิเคชันชนะ

การเปลี่ยนผ่านเริ่มต้นแล้ว

ผมใช้เวลาห้าปีวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์บล็อกเชน และพบความจริงหนึ่ง: สต๊าเบิลคอยน์ไม่ใช่แค่ดอลลาร์ดิจิทัลอีกต่อไป การเปลี่ยนจากแง่มูลค่าในการออก มาเป็นแอปพลิเคชันไม่ใช่ทฤษฎีอีกต่อไป มันเกิดขึ้นแล้ว

Circle เข้าจดทะเบียน Nasdaq ไม่ใช่มilestone ของบริษัทเดียวเท่านั้น แต่มันเปิดโปงความจริงที่ลึกกว่านั้น เมื่อแม้มีขนาดใหญ่อันดับสอง Circle ก็ต้องจ่ายรายได้ดอกเบี้ยสุทธิถึง 50% ให้ Coinbase เพื่อกระจายสินทรัพย์ มันไม่ใช่วัดจากขนาดมิติ หากแต่วัดจากการเพิ่มต้นทุน

เหตุผลที่การออกสต๊าเบิลคอยนมีศักยภาพลดลง

เส้นทางของ USDT (76%) และ USDC (16%) มีแรงผลักดันอย่างแข็งแกร่ง คนใหม่อยู่ในสนามรบที่กฎเกณฑ์ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และผู้ควบคุมก็ไม่สนับสนุนครับ เพราะกำลังเปลี่ยนมายังแนวทาง ‘เสรีภาพในการสร้างสรรค์’ โดยไม่นำมาซึ่งความเสี่ยงก่อน

ลองมอง Hong Kong’s Stablecoin Issuer Ordinance และ Singapore’s risk-tiered SCS framework จะเห็นว่าทั้งสองประเทศเน้นเรื่องแอปพลิเคชันมากกว่าปริมาณการออกเลย

สามสถานการณ์ทองคำแห่งอนาคตที่มูลค่าอยู่

1. การชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับธุรกิจ (B2B)

แค่บอกว่าเร็วกว่าไม่พอ พื้นหลังสำคัญอยู่ตรงความเสี่ยงจากการแปลงสภาพเงินตราในระหว่างดำเนินงาน (1–3% สูญเสีย) พูลสภาพคล่องแบ่งแยก และภาระงานปฏิกอบตามกฎหมายหลายเขตแดน

สต๊าเบิลคอยนมอบโซลูชันผ่านเงื่อนไขโปรแกรมสามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางพาณิชยกรรม เช่น การชำระเงินอัตโนมัติตามข้อมูลขนส่งผ่านสัญญาอัจฉริยะ เป็นการออกแบบระบบใหม่อย่างแท้จริง

2. การแทนที่ทรัพยากรโลก (RWA) — เกมโครงสร้างพื้นฐานซ่อนเร้น

RWA ไม่ใช่วางขายหุ้นคราวเดียวบนบล็อกเช인 มันเกิดจากการทำให้มูลค่ายากขายกลายเป็นของเหลือขายโดยไม่มีผลกระทบใดๆ กับราคาพื้นฐาน

ในกรณี này สต๊าเบิลคอยนมีบทบาทสามประการพร้อมกัน: พื้นสะพานระหว่าง TradFi กับ DeFi, เครือข่ายการทำธุรกรรม, และช่องทางกระจายผลตอบแทนแบบอัตโนมัติกำหนดตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ดี หากขาดตรรกะตรวจสอบกฎหมายในระยะแรก Oracle จะเชื่อถือได้อย่างไร? สัญญาบนบล็อกจะบังคับใช้อย่างไร? หากไม่มาก่อน เราจะสร้างปราสาทน้ำแข็งบนพื้นมายากลำบาก

3. การเชื่อมโยง DeFi กับ TradFi — พื้นที่แห่งโอกาสใหม่

อนาคตไม่ใช่วางระบบโปรโตคอลอยู่แทนธนาคาร มันคือการทำให้งานสองระบบเชื่อมโยงกัน บริษัทยักษ์ใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งกำลังทดลองระบบทองสองระดับ: เก็บงานหลักไว้งานธนาคารแบบเดียวก่อน ในขณะเดียวกันนำเงินคงเหลือเข้า DeFi เพื่อรับผลตอบแทน โดยมีเลเยอร์แยกความเสียงอย่างเข้มแข็ง โมเดลดังกล่าวทำงานได้อย่างแท้มหากสต๊าเบิลคอยนมารับบทกลางกลาง: อสมมาตรและปฏิกอบตามกฎหมาย, อสมมาตรและแน่นอนในมูลค่าโลกจริง

อินฟราสเตอร์เจอร์ไม่ใช่อุปกรณ์ – มันเป็นกลยุทธ์

เมื่อผมถาม CFO จากเอเชียแปซิกใต้ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วพวกเขาถามหา API ราคาถูกหรือโหนดเร็ว ๆ ก่อนหรือ? ส่วนใหญ่มองหาเพียงอย่างเดียว: ระบบที่สามารถจัดเส้นทางหลายสกุลมวลชน โดยซ่อนภาระคอรัสเงินตราไว้อย่างโปร่งใส

ตอนนี้เราเห็นโมเดลอินฟราสเตอร์เจอร์สามแบบ:

• นำโดยผู้ออก: เหมือนจำกัดความสามารถเพราะลำเอียงทางระบบนักลงทุนครัวเรือน/ธุรกิตขนาดใหญ่นี้เอง centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. centralized solution with no interoperability. distributed by multiple parties without integration or standards support for multi-chain operations. This leads to fragmented user experience and operational inefficiencies across platforms and jurisdictions. This is not scalable in the long term and creates dependency on individual providers, increasing risk exposure for enterprises seeking reliable and compliant cross-border solutions. As a result, there’s growing demand for neutral platforms that integrate across chains, currencies, compliance layers, and offer intelligent path selection based on real-time factors such as time-of-day rates, volatility spikes, or regulatory windows—all automated via AI-driven decision engines. The winner isn’t just the one who issues more coins; it’s the one who builds the smartest infrastructure that works seamlessly across borders and systems.